รู้หรือไม่! สี กลิ่น เสียง สัมผัส ช่วย กระตุ้นยอดขาย ได้ (Infographic)
InsightSME Research 26/01/2015 admin
จากผลการวิจัย 95% ของลูกค้า “ไม่ได้คิดมาก่อน” ว่าจะซื้อสินค้าหรือบริการ มีเพียง 5% เท่านั้นที่มีการคิดหรือวางแผนมาก่อน ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องกำหนดกลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าและบริการได้ โดยเฉพาะในชั้นวางสินค้า หรือจุดแสดงสินค้าต่างๆ โดย Kissmetrics ได้วิจัยว่า การมองเห็น (Visual) จูงใจให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการถึง 93% ส่วนการสัมผัส 6% และเสียง/กลิ่น เพียง 1% เท่านั้น ดังนั้นเราสามารถสรุปได้ว่ากลิ่น สี เสียง สัมผัส กระตุ้นยอดขาย ได้ มาดูกันว่านักการตลาดจะ กระตุ้นยอดขาย ได้อย่างไร
1. สี (Color)
- สามารถสื่ออารมณ์และความรู้สึกได้ เช่น สีฟ้า=การต้อนรับ, สีเขียว=ธรรมชาติ, สีแดง=อันตรายหรือความเร่งด่วน, สีเหลือง=ความสุข
- สามารถดึงดูดประเภทของผู้ซื้อสินค้าที่แตกต่างกันได้ เช่น
- สีแดง/ดำ/ส้ม/นำเงิน จะกระตุ้นการซื้อกับลูกค้าที่ชอบซื้อแบบฉับพลัน
- สีเขียวอ่อน/ชมพู/ฟ้าอ่อน/น้ำเงินเข้ม จะกระตุ้นการซื้อกับลูกค้าที่วางแผนงบประมาณในการซื้อ
- สีฟ้าอ่อน/ชมพู/ชมพูกุหลาบ จะกระตุ้นการซื้อกับลูกค้าที่ยอมทำตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ตามน้ำ ไม่ค่อยโต้แย้งอะไร
- สามารถสื่อถึงรสชาติได้ เช่น แดง=หวาน, เขียว=เปรี้ยว, น้ำเงิน=ขม, เหลือง=เค็ม
- โทนสีอุ่น จะเหมาะกับใช้ดึงดูดลูกค้าที่ชอบซื้อแบบฉับพลัน โดยเฉพาะตอนลดราคา (สีแดงหรือเหลือง) แต่โทนสีเย็น จะเหมาะกับใช้ดึงดูดลูกค้าที่วางแผนในการซื้อ เช่นประกันต่างๆ (สีน้ำเงินหรือเขียว)
2. กลิ่น (Smell)
- สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ซื้อ เช่น
- กลิ่นแป้ง=ปลอดภัย, ระลึกถึงความหลัง
- กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์หรือซีตรัส=ตื่นตัว
- กลิ่นลาเวนเดอร์ วนิลา คาโมมายล์=ผ่อนคลาย
- กลิ่นควันบาร์บีคิว=รู้สึกห้องเล็กลง
- กลิ่นแอปเปิ้ล แตงกวา=รู้สึกห้องใหญ่ขึ้น
- กลิ่นหนังหรือไม้ซีดาร์=คิดถึงเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง
- กลิ่นขนมปังอบ=คิดถึงการซื้อบ้าน
- กลิ่นดอกไม้=ทำให้เลือกสินค้านานขึ้น อยู่นานขึ้น
- กลิ่นพายฟักทองหรือลาเวนเดอร์=กระตุ้นผู้ชาย
- กลิ่นแม่นม=กระตุ้นผู้หญิง
- กลิ่นทำให้ยอมจ่ายมากขึ้น เช่น 84% ของคนยอมจ่ายมากขึ้น 10 ดอลล่าห์ ในการซื้อรองเท้าไนกี้ในห้องที่มีกลิ่น มากกว่าห้องที่ไม่มีกลิ่น
- Bloomingdale’s ใช้กลิ่นที่แตกต่างกันในแต่ละแผนก เช่นกลิ่นมะพร้าวสำหรับแผนกชุดว่ายน้ำ กลิ่นแป้งเด็กสำหรับแผนกเสื้อผ้าเด็ก
- Hugo Boss ใช้กลิ่นซิตรัสเป็นกลิ่นประจำร้าน โดยทดลองให้ลูกค้าปิดตาแล้วดมกลิ่น ลูกค้าสามารถจำได้!
3. สัมผัส (Touch)
- มีงานวิจัยจาก Harvard Business Review ว่าสัมผัสที่อบอุ่นทำให้คนรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่น ดังนั้นจึงเหมาะกับใช้การขายบ้านหรือรถ
- Apple Stores เปิดฝา Notebook ไว้ที่ 70 องศา เนื่องจากว่าง่ายต่อการสอดมือเข้าไปแต่ไม่เห็นเนื้อหา เป็นการชวนให้ลูกค้าสัมผัสและเอามือไปเปิดหน้าจอเพื่อให้มองเห็น สุดท้ายก็จะเกิดการทดลองใช้งาน
- ในการซื้อรถ งานวิจัยแสดงว่าการที่ลูกค้านั่งเก้าอี้นุ่ม ทำให้การต่อรองราคาน้อยกว่า เก้าอี้แข็ง
- สำหรับเรื่องการสัมผัสตัวกัน มีงานวิจัยที่แสดงว่าการสัมผัสกันช่วยให้เกิดผลดี แต่อาจจะไม่เหมาะกับประเทศไทยสักเท่าไหร่
4. ดนตรี (Music)
- ดนตรีส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ คลื่นสมอง และกระตุ้นให้ปล่อยโดปามีนที่กระตุ้นอารมณ์
- ดนตรีแต่ละประเภทส่งผลแตกต่างกัน ได้แก่
- เพลงคลาสสิค ช่วยเพิ่มคุณภาพความรู้สึกต่อการสัมผัสได้ดี นิยมใช้ในร้านชา ร้านไวน์ หรือสปา
- เพลงช้า ช่วยเพิ่มการใช้เวลาและเงินมากขึ้น นิยมใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้า
- เพลงเร็ว ช่วยทำให้กินหรือทำอะไรเร็วขึ้น และออกจากร้านเร็วขึ้น นิยมใช้ในร้านฟาสต์ฟู๊ด หรือตอนห้างจะปิด
สามารถดูภาพ และรายละเอียดเพิ่มเติมใน Infographic จาก AlternativeFinder
#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด
Source: AlternativesFinder และ SME Research by MRSG Co.,Ltd