การเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs เพื่อรองรับ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
SME NewsSME Update 08/03/2015 admin
การจัดตั้ง เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ถือเป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่สำคัญซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้มีนโยบายที่จะ พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเริ่มจากการพัฒนาด่านการค้าชายแดนและโครงข่ายการคมนาคมขนส่งบริเวณประตู การค้าหลักของประเทศเพื่อเชื่อมโยง กระบวนการผลิตและการลงทุนข้ามแดน โดยปรับปรุงโครงข่ายระบบถนน พัฒนา ระบบ National Single Window (NSW) และสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้าและ การขนส่งสินค้าข้ามแดนอย่างต่อเนื่องรองรับ การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ซึ่ง คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจ พิเศษ (กนพ.) ได้เห็นชอบพื้นที่ที่มีศักยภาพ เหมาะสมในการจัดตั้งเป็นเขตพัฒนา เศรษฐกิจพิเศษระยะแรกของไทยใน 5 พื้นที่ ชายแดน ได้แก่ (1) อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (2) อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (3) อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด (4) อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร และ (5) อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งในเวลานี้นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการควรได้มีการปรับตัวเตรียม ความพร้อมเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้
สำหรับศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมของ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 5 พื้นที่นั้น ได้แก่
- อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานสูง โดยมี กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (ข้าวโพด ผัก ผลไม้) อุตสาหกรรมสิ่งทอและ เครื่องนุ่งห่ม (ตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป) อุตสาหกรรมไม้และเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
- อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (มันสำปะหลัง) อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน
- อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (ปาล์ม ผลไม้ ประมง) และอุตสาหกรรมแปรรูป ยางพารา
- อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป (ข้าว อ้อย) อุตสาหกรรม แปรรูปยางพารา และอุตสาหกรรมแปรรูปปศุสัตว์
- อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา อุตสาหกรรม อาหารฮาลาล อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล และอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายมุสลิม เป็นต้น
โดยมีหลักเกณฑ์และวิธีการ สนับสนุนการจัดตั้ง เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 4 เรื่อง ได้แก่
- สิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุน ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ตามเขตการส่งเสริมการลงทุนเขต 3 พิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่นทั้งที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี
- การให้บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ โดยจัดตั้งศูนย์การให้บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: OSS) ด้านการลงทุน โดยมีสำนักงานในพื้นที่ และเชื่อมโยงกับศูนย์บริการด้านการลงทุนของสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI และจัดตั้ง OSS ด้านแรงงาน สาธารณสุข และการตรวจคนเข้าเมือง
- มาตรการสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าว จัดระบบแรงงานต่างด้าวแบบไป-กลับ รวมทั้งกำหนด แนวทางการฝึกอบรมแรงงาน
- การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรในพื้นที่ โดยจะพัฒนาด้านศุลกากรและการผ่านแดน โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ระบบน้ำ ไฟฟ้า และอื่นๆ
เพื่อให้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการเพื่อรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษผู้ประกอบการควรตระหนักและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถใน การแข่งขันให้กับกิจการของตนเอง ได้แก่
- การพัฒนาผลิตภาพ (Productivity) ตามแนวทางยุทธศาสตร์การเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพ ของภาคอุตสาหกรรม พ.ศ. 2551-2555 ที่ได้กำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน ได้แก่ การยกระดับความสามารถทักษะแรงงาน (Human Skill) การยกระดับความสามารถทางด้านการบริหารจัดการ (Management) การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร การพัฒนาระบบ Logistics ภายในกลุ่มอุตสาหกรรม และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ และ Supply Chain
- การสร้างมูลค่า (Value Added) และคุณค่า (Value creation) ให้กับสินค้าและบริการตามแนวคิดเดิมของระบบเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการผลิตจำนวนมาก (Mass Production) ซึ่งกำลังหมด สมัย ไม่สามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน ควรให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณค่า (Value Up) ซึ่งเป็นกระบวนการ ในการสร้างสรรค์คุณค่าอันจะนำไปสู่มูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ช่วยยกระดับความสามารถในการ แข่งขันของธุรกิจให้สูงขึ้น สร้างภูมิคุ้มกันจากการลอกเลียนแบบและการตัดราคา รวมทั้งปรับตำแหน่งของธุรกิจสู่ ตำแหน่งที่สามารถเป็นผู้กำหนดราคาได้ตามความเหมาะสม นำมาซึ่งรายได้และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยมีแนวทาง ในการสร้างมูลค่าและคุณค่า เช่น การพัฒนาการออกแบบสินค้าให้มีความแปลกใหม่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่ง จะทำให้ยากต่อการลอกเลียนแบบ รวมทั้งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
- การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพดีขึ้น และ ผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานมากขึ้นเช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ISO / Codex / OIE / IPPC / Food Safety / HACCP / GMP / COC และที่น่าจับตามองเพิ่มขึ้น คือ REACH ซึ่งเป็นระเบียบว่าด้วยสารเคมีของสหภาพยุโรป
- การหาช่องทางขยายตลาด มีการวางแผนกลยุทธ์การขยายโอกาสทางการตลาด โดยการศึกษาและ วิจัยเพื่อหาตลาดใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตนเอง ซึ่งมีตลาดใหม่ที่น่าสนใจ เช่น ตลาดในกลุ่ม ประเทศเพื่อนบ้าน และตลาดในกลุ่มประเทศ BRICS
ในยุคที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูง “ใครพร้อมก่อนย่อมได้เปรียบ” ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเตรียม ความพร้อมรองรับการเกิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับกิจการของ ตนเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มโอกาสในการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการให้ประสบผลสำเร็จ และกิจการมีการเติบโตอย่างยั่งยืน
#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด
Source: เรวดี แก้วมณี สำนักนโยบายอุตสาหกรรมมหภาค (สม.)