สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ เงินทุนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ผู้ประกอบการใช้ตัดสินใจในการเริ่มหรือเลิกล้มโครงการธุรกิจ ปกติแล้ว ผู้ประกอบการสามารถนำเงินทุนมาได้จากหลายแหล่ง เช่น เงินออมที่มีอยู่ การขายสินทรัพย์ หรือแม้แต่การกู้ยืมเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ก่อน แต่บางครั้งหากเงินทุนขาดมือ หรือ บริหารเงินทุน ได้ไม่ดีพอ ก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้
ดังนั้น บทความนี้จะนำเสนอเทคนิคในการ บริหารเงินทุน ที่เน้นการวางแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับการวางแผนธุรกิจ (Business Plan) และการวางแผนการตลาด (Marketing Plan) โดย 4 เทคนิคหลักของการ บริหารเงินทุน ประกอบด้วย
- เป้าหมายของธุรกิจ (Goal) เป้าหมายของธุรกิจเป็นตัวกำหนดทิศทางในการ บริหารเงินทุน ในเชิงธุรกิจนั้น เป้าหมายของธุรกิจเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจเจริญเติบโตไปตามแผนที่ได้วางไว้ดังนั้น ผู้ประกอบการไม่ควรลดเป้าหมายของธุรกิจลงเพียงเพราะมีเงินลงทุนจำกัด ในทางกลับกัน ควรยึดเป้าหมายเดิม แต่หาวิธีในการวางแผนเงินทุน (Budgeting) อย่างเหมาะสมเพื่อให้ธุรกิจสามารถไปถึงยังเป้าหมายได้
- กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ (Target Market) กลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งที่ต้องกำหนดในการวางแผนธุรกิจและวางแผนการตลาด ผู้ประกอบการต้องทราบว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร มีลักษณะอย่างไร เพื่อที่จะได้วางแผนการตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งนั่น จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถกำหนดงบประมาณที่จะต้องใช้ได้อย่างชัดเจน และทำให้เงินทุนที่เตรียมไว้ถูกนำมาใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
- กลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy) กลยุทธ์ทางการตลาดควรสอดคล้องกับการบริหารเงินทุนเช่นกัน เนื่องจากกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน จะส่งผลกระทบต่อจำนวนงบประมาณทางการตลาดที่แตกต่างกัน เช่น ในธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หากผู้ประกอบการเลือกกลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง (Differentiate) งบประมาณส่วนใหญ่จะถูกใช้ไปกับการวิจัย การออกแบบหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่าผู้ประกอบการที่ใช้กลยุทธ์การผลิตสินค้าที่เหมือนคู่แข่งในตลาด (Me-too) ดังนั้นผู้ประกอบการควรกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ก่อน เพื่อที่จะได้ทราบว่าเงินทุนที่จะต้องใช้นั้นมีจำนวนมากหรือน้อยเพียงใด
- ทรัพยากรบุคคล (Human Resource) การดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่นั้น จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนทรัพยากรบุคคลที่ดี เนื่องจากแรงงานนั้นถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนพนักงาน คอมมิชชั่น โบนัส เป็นค่าใช้จ่ายหลักอีกส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ การบริหารทรัพยากรบุคคลส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจอย่างมาก การวางแผนเรื่องบุคคล เช่น จำนวนแผนก จำนวนพนักงาน และลำดับขั้นในการบริหารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องรู้ เพื่อที่จะสามารถวางแผนงบประมาณการลงทุนได้
หลังจากที่มีการวางแผนธุรกิจ และการวางแผนการตลาด ทั้งเป้าหมายของธุรกิจ (Goal) กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ (Target Market) กลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy) และทรัพยากรบุคคล (Human Resource) แล้ว ผู้ประกอบการ SMEs จะสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิผลมากขึ้นเนื่องจากเป็นการวางแผนการลงทุนแบบระยะยาว Business Plan จะเป็นตัวกรอบให้การวางแผนงบประมาณการลงทุนทำได้ง่าย และช่วยให้ผู้ประกอบการเลือกเครื่องมือทางการตลาดให้เหมาะสมกับเงินลงทุนที่มีอยู่ เช่น การเลือกใช้ Online Marketing ก่อนในการสร้างการ Brand Awareness เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าสื่ออื่นๆ เมื่อมีงบประมาณมากขึ้น จึงเลือกใช้ Mass Media ต่างๆ เช่น โฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร ป้ายโฆษณา หรือสิ่งพิมพ์
ที่สำคัญการวางแผนการลงทุน จะช่วยให้ SMEs
- สามารถควบคุมการใช้งบประมาณต่างๆ ได้ตามแผน
- รู้ว่าปัจจุบันมีเงินทุนเท่าไหร่
- รู้ว่าหากต้องการเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
- รู้ว่าเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของธุรกิจต้องใช้เงินลงทุนอีกเท่าไหร่
- คำนวณว่าถ้ามีการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนแล้ว จะคุ้มกับดอกเบี้ยหรือไม่
- ต้องการเงินกู้หรือไม่ และมากน้อยเพียงใด
เมื่อทราบรายละเอียดต่างๆ แล้ว การเริ่มต้นธุรกิจ SMEs จะเป็นไปอย่างมีแบบแผนมากขึ้น การวางแผนการลงทุนและการบริหารเงินทุนที่มีระบบ จะทำให้การมีเงินทุนจำกัดไม่เป็นปัญหาสำหรับการเริ่มธุรกิจ SMEs อีกต่อไป เพราะผู้ประกอบการสามารถบริหารเงินทุนที่มีอยู่ได้อย่างเหมาะสม หรือสามารถวางแผนการขอสินเชื่อธนาคารได้อย่างถูกต้อง และวางแผนการจ่ายดอกเบี้ยและการใช้คืนเงินกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด
Source: Krungsri SMEs by www.krungsri.com, SME Research by MRSG Co.,Ltd.