ปัจจุบันการติดต่อสื่อสาร ประชุม การทำงานร่วมกันสามารถทำผ่านออนไลน์ได้โดยง่าย เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์สักตัว ดังนั้นผู้ประกอบการหรือฟรีแลนซ์ต่างหันมา ทำงานที่บ้าน ร้านกาแฟ และพื้นที่ต่างๆเช่น Working Space เป็นการทำงานที่มีความคล่องตัวสูง และมีอิสระในการทำงานมาก การทำงานที่ออฟฟิตหรือที่บ้าน ต่างมีข้อดีข้อเสียกันไปคนละแบบ ข้อดีของการ ทำงานที่บ้าน คือ คล่องตัว มีอิสระ สะดวกสบาย ประหยัดค่าเช่า แต่ข้อเสียคือการที่จะหลุดโฟกัสได้ง่าย สบายเกินไป หรือมีเรื่องกวนสมาธิตลอด อย่างไรก็ตามคนเรามักจะคิดว่าทำงานได้มากกว่าเมื่ออยู่ที่บ้าน
ส่วนการทำงานอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพที่สุด ส่วนตัวผมคิดว่าเราต้อง Balance ชีวิตส่วนตัวและการทำงานให้มีความพอดี บทความนี้จะแนะนำวิธีในการทำงานให้มีประสิทธิภาพที่สุด
1. กำหนดตารางการทำงาน
เนื่องจากการ ทำงานที่บ้าน ถ้ามีอิสระในการทำงานมากเกินไปอาจส่งผลให้หลุดโฟกัสและงานไม่เดิน อย่าลืมว่าการทำงานที่ออฟฟิตจะมีคนตามงาน ประสานงาน หรือกำหนดเวลาส่งงานตลอดเวลา ดังนั้นการทำงานที่บ้าน ควรจะมีกำหนดตารางการทำงาน และดำเนินงานตามตารางการทำงานที่กำหนดไว้ การกำหนดตารางควรจะกำหนดตามที่สามารถทำได้จริง ตามความเห็นผม เราควรจะกำหนดพฤติกรรมบางอย่างเพิ่มเข้าไปในตารางการทำงาน เช่น ดื่มกาแฟก่อนทำงาน อ่านหนังสือพิมพ์ ออกกำลังกาย หรือเปิดแผ่นเสียงสักแผ่นในตอนเช้าเพื่อเริ่มการทำงาน เป็นการสร้างอารมณ์สุนทรีย์ในการทำงานและยังทำให้เราอยากจะทำตามตารางชีวิตนี้เพราะดูไม่เครียดจนเกินไป
2. กำหนดพื้นที่ทำงาน
การทำงานที่บ้าน ส่วนใหญ่อาจจะทำที่ไหนก็ได้ เช่น ห้องทำงาน สวนหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น โต๊ะทานข้าว โซฟา แต่การทำให้ทุกพื้นที่ในบ้านเป็นที่ทำงาน อาจจะทำให้พื้นที่ส่วนตัวในบ้านหายไป การทำงานที่ไหนก็ได้ ก็เท่ากับว่า จะพักผ่อนที่ไหนก็ได้เหมือนกัน แทนที่จะได้ทำงาน กลายเป็นพักผ่อนไป ดังนั้นจึงควรกำหนดพื้นที่ทำงานให้ชัดเจน แล้วที่เหลือคือพื้นที่ส่วนตัว แม้แต่ในคอนโดเล็กๆก็สามารถทำได้ เช่น โต๊ะทำงาน คือพื้นที่ทำงาน โซฟา คือพื้นที่พักผ่อน จริงๆแล้วการกำหนดพื้นที่ทำงานอาจจะเป็นเพียงจิตวิทยาอย่างหนึ่ง เมื่อเราเข้าสู่พื้นที่ทำงาน เราจะรู้สึกว่าต้องทำงานนั่นเอง อย่างไรก็ตามเราควรจะแจ้งคนในบ้านไว้ว่า ส่วนไหนคือพื้นที่ทำงาน เวลาทำงานของเราเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ไม่เข้ามารบกวนกันถ้าไม่จำเป็น
3. กำหนดเวลาพัก
สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด คือการทำงานทั้งวันโดยที่ไม่พักผ่อน แม้งานจะเร่งขนาดไหนก็ตาม ควรจะมีการพักบ้างเพื่อให้ผ่อนคลาย ส่วนใหญ่เราอาจจะคิดกันว่าการทำงานมากๆไม่หยุดพัก เป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ได้งานเยอะ มีผลิตผลในการทำงานมาก แต่จริงๆแล้วการทำงานควรมีการพัก เพื่อให้สมองได้พักผ่อน โดยการพักนั้นอาจจะทำแค่การมองออกไปที่หน้าต่าง อ่านหนังสือพิมพ์ ยึดเส้นสาย หรือเดินเล่นก็ได้
4. เชื่อมต่อโลกภายนอกตลอดเวลา
การทำงานที่บ้าน แม้จะคล่องตัว มีอิสระ สะดวกสบาย แต่อาจจะทำให้เรามีผลิตผลหรือแรงกระตุ้นในการทำงานน้อยลง เพราะอาจจะรู้สึกเหงา ไม่ได้พูดคุย หรืออัพเดตเรื่องราวต่างๆ และการทำงานที่บ้านอาจจะทำให้ Connection ต่างๆของเราน้อยลง ดังนั้นจึงควรพึ่งพาช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น LinkedIn เพื่อสร้าง Connection ในการทำงาน หรือหมั่นนัดเจอเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า เพื่อพูดคุยกันบ้าง หรือแม้แต่การใช้ Social media ต่างๆเช่น Facebook, Facebook Page, Twitter, Pinterest, Instagram เพื่อบอกผู้อื่นว่าเราทำอะไรอยู่ เราทำงานอะไรอยู่ เรามีผลงานอะไรอยู่ เพื่อเป็นการสร้าง Connection เพิ่มเติมและรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อน ลูกค้า และเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ
5. ฉลองกับความสำเร็จ (เล็กๆน้อยๆ)
การทำงานที่บ้าน อาจจะเหงา เบื่อ หรือแรงบันดาลใจลดลง การสร้างแรงกระตุ้นในการทำงานทุกๆวันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ดังนั้นเราควรจะยินดีกับความสำเร็จในการทำงานทุกๆวัน เพื่อสร้างกำลังใจ อาจจะกำหนด To-do-list แล้วเมื่อทำสิ่งที่กำหนดสำเร็จ ก็ยินดีกับตัวเอง หรืออาจจะบอกเล่าความสำเร็จกับแฟน ครอบครัว หรือเพื่อน บอกครั้งเรื่องราวอาจจะเล็กน้อย แต่จะทำให้เราสนุกและมีแรงบันดาลใจมากขึ้น จนถึงวันที่เราจะฉลองกับความสำเร็จในหน้าที่การงานและธุรกิจจริงๆ
สิ่งสำคัญที่สุดของการทำงาน ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน คือ เราต้อง Balance ชีวิตส่วนตัวและการทำงานให้มีความพอดี และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ 🙂
#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด
Source: HBR และ SME Research by MRSG Co.,Ltd
