หลายคนอาจจะได้ติดตามกระทู้ในพันทิปเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟ (สามารถอ่านได้ที่นี่) ที่มีการถกเถียงกันในหลายมุมมองตามความเห็นผม การทำธุรกิจอะไรก็ตามล้วนมีโอกาสที่จะเติบโตทั้งนั้น อาจจะมากหรือน้อยอยู่ที่ความต้องการของตลาด หากมีโอกาสน้อย สิ่งที่ธุรกิจต้องทำเสริมคือการสร้างความต้องการของตลาด สำหรับร้านกาแฟนั้น ร้านกาแฟเปิดอย่างไร มีโอกาสในการเติบโตแน่นอนเพียงแต่ต้องวิเคราะห์และกำหนดตลาดให้ชัดเจนในหลายส่วน เช่น
1. ต้นทุนสูง – ร้านกาแฟเปิดอย่างไร ร้านกาแฟจะมีต้นทุนที่ค่าเครื่องทำกาแฟ ซึ่งมีมากมายหลายระดับตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ซึ่งแต่ละเครื่องจะมีความสามารถและให้รสชาติกาแฟที่แตกต่างกัน ส่วนการตกแต่งร้าน ก็เป็นต้นทุนที่สูงไม่แพ้กัน โดยการตกแต่งร้าน รูปแบบ สไตล์ ต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ ดังนั้นการใช้เครื่องแบบไหน ตกแต่งร้านแนวไหน ก็จะอยู่ที่กลุ่มเป้าหมายและขนาดของร้านเป็นหลัก (ปัจจุบันมีบริการให้เช่าเครื่องทำกาแฟเป็นรายเดือนด้วย เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากทดลองก่อน ไม่ต้องลงทุนเครื่องในครั้งแรกที่เปิดร้าน)
2. เมล็ดกาแฟ หรือ รสชาติกาแฟ – ส่วนใหญ่แล้ว เวลาเปิดร้านกาแฟ เจ้าของร้านจะคำนึงถึงการตกแต่งร้านเป็นหลักว่าเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของร้านกาแฟ คือ เมล็ดกาแฟ หรือ รสชาติกาแฟ หรือ สารกาแฟ ซึ่งสามารถแยกออกคร่าวๆ เป็น เข้ม กลาง อ่อน (จริงๆแล้วมีการแยกแยะการคั่วที่ละเอียดกว่านี้) ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายคือใคร ก็จะสามารถกำหนดรสชาติกาแฟได้ว่าควรจะให้มีรสชาติออกมาทิศทางใด จะเป็นแนวกาแฟโบราณ แนวเข้มเหมือนกาแฟอเมซอน แนวนุ่มหอมเหมือน Starbucks หรือรสชาติมีเอกลักษณ์แบบร้านกาแฟคั่วเอง (ปัจจุบันมีผู้ขายเมล็ดกาแฟมากมาย ควรเลือกและศึกษากาแฟแต่ละชนิดโดยละเอียด จะสามารถทำให้กำหนดทิศทางรสชาติกาแฟของร้านได้)
3. บรรยากาศของร้าน – เป็นสิ่งสำคัญมากพอๆ กับรสชาติของกาแฟ เนื่องจากว่าส่วนใหญ่ผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่คำนึงรสชาติกาแฟมากๆ มีน้อย ส่วนใหญ่เน้นบรรยากาศของร้าน ว่าน่านั่งหรือไม่ ร้านควรจะมีแนวทางการตกแต่ง ยกตัวอย่างเช่น Starbucks เน้นว่าไม่ได้ขายกาแฟอย่างเดียวแต่ ขายบรรยากาศ ขายประสบการณ์การดื่มกาแฟ บางร้านอำนวยความสะดวก ในการทำงาน ปลั๊กไฟ WiFi พร้อม อย่างไรก็ตามรสชาติกาแฟก็ต้องดี เป็นที่พอใจด้วย ไม่ใช่ร้านสวย น่านั่ง กาแฟรสชาติแย่ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ
4. แบรนด์ – เป็นสิ่งที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจเรา รับรู้ภาพลักษณ์ที่เราต้องการจะสื่อ อย่างไรก็ตาม แบรนด์ต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ชื่อแบรนด์ โลโก้ สโลแกน สี ล้วนแต่ต้องสอดคล้องกัน บางทีทำร้านข้างถนนตั้งชื่อไปทางฝรั่งเศส ก็อาจจะไม่โดน จริงๆข้อนี้ไม่มีกฎตายตัวว่าต้องทำแบรนด์แบบใด แต่ต้องรู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย ก็จะสามารถทำ ฺBranding ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. กลุ่มเป้าหมาย – ร้านกาแฟ เป็นสินค้าและบริการที่สามารถทดแทนได้ สามารถเปลี่ยนร้านหรือยี่ห้อได้ตามสะดวก แม้ลูกค้าจะขับรถมาไกลเพื่อทานกาแฟร้านเรา แต่ถ้าแถวบ้านลูกค้ามีร้านกาแฟที่สามารถตอบสนองความต้องการได้คล้ายกัน ลูกค้าก็อาจจะเปลี่ยนร้านหรือยี่ห้อได้ ดังนั้นควรจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่เป็นหลัก (geographic segmentation) เพื่อที่จะวางแผนการตลาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนลูกค้านอกพื้นที่ ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายรอง (กลุ่มเป้าหมาย อาจไม่จำเป็นต้องกำหนดโดยพื้นที่เป็นหลัก แต่อาจจะกำหนดโดยไลฟสไตล์ (Lifestyle) ข้อมูลประชากรศาสตร์ทั่วไป (Demographic) หรืออื่นๆก็ได้ เพียงแต่ต้องมีกลุ่มเป้าหมายหลักที่ชัดเจน)

จากกระทู้ที่แนะนำมาให้อ่านกัน เป็นการเตือนใจว่าใครๆก็อยากเปิดร้าน กาแฟ แต่ธุรกิจนี้ไม่ง่ายเลย เนื่องจากถ้าขาดการวางแผน ขาดความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า ไลฟ์สไตล์ และความเข้าใจเรื่องกาแฟ ก็อาจจะล้มเหลวได้ง่าย สำหรับใครที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟ แนะนำให้ไปเดินที่ แอมพาร์ค สามย่าน เป็น Lifestyle Mall ที่มีร้านกาแฟมาก มีเป็นสิบร้าน (จริงๆแล้วจำนวนร้านกาแฟพอๆกับห้างทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับขนาดห้างแล้ว ถือว่าที่นี่เยอะมาก) เราลองคิดว่าเราจะเลือกเข้าร้านไหน เพราะอะไร แล้วลูกค้าอื่นๆเข้าเพราะอะไร ร้านไหนคนเยอะ ร้านไหนคนน้อย เพราะอะไร ผมว่าเป็นการวิจัยตลาดที่ดีเลย
สุดท้ายนี้ การทำธุรกิจการตามความฝันหรือตามความชอบเป็นสิ่งที่ดี เพราะการทำสิ่งที่เราสนใจ จะทำให้เรามีความสุขกับการทำงาน แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นการทำธุรกิจ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และวางแผนเป็นอย่างดี สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด คือ กลุ่มเป้าหมายของเราครับ

#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด
Source: SME Research by MRSG Co.,Ltd.
รูปภาพจาก 1 2 3
Comments
comments