ในประเทศไทย แฟรนไชส์ได้รับความนิยมมาก ทั้งผู้ขายแฟรนไชส์และผู้ซื้อแฟรนไชส์ ประโยชน์หลักของแฟรนไชส์คือการที่ได้รับการอบรมวิธีการประกอบธุรกิจนั้นๆ การดำเนินงาน และขั้นตอนการทำธุรกิจอย่างละเอียด ไม่ต้องเสี่ยงผิดพลาดในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเนื่องจากผู้ขายแฟรนไชส์ได้วางระบบการดำเนินงานทั้งหมดไว้แล้ว รวมถึงมีกาสร้างแบรนด์และทำการตลาดไว้แล้ว แต่การลงทุนล้วนมีความเสี่ยง ผู้ขายแฟรนไชส์ไม่สามารถการันตียอดขายหรือกำไรได้ ผู้ขายแฟรนไชส์เพียงแต่วางระบบการดำเนินงานและวิธีการประกอบธุรกิจไว้ให้ ดังนั้นบทความนี้จะเน้นเรื่องสิ่งที่ควรรู้ก่อน การซื้อแฟรนไชส์ วิธีการเลือกซื้อแฟรนไชส์
1. ก่อนจะตัดสินใจเลือกแฟรนไชส์ ควรทำวิเคราะห์ตลาดก่อน โดยเริ่มจากตลาดที่สนใจ ดูความเป็นไปได้ของตลาด การเติบโต ความต้องการของตลาด แล้วค่อยๆทำให้ทางเลือกแคบลงเรื่อยๆ เช่น เริ่มจากอุตสาหกรรมอาหาร วิเคราะห์การเติบโตของตลาด แนวโน้มต่างๆ หรือแม้แต่พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า แล้วย่อยออกมาเป็นเครื่องดื่ม อาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป แล้วจึงเลือกว่าจะทำธุรกิจอะไร อย่าลืมว่า การซื้อแฟรนไชส์ ก็เหมือนการทำธุรกิจทั่วไป คือต้องวิจัยตลาดและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆให้ดีก่อนที่จะทำการลงทุน
2. อย่าเลือกแฟรนไชส์จากข้อมูลเจ้าเดียว ควรหาว่ามีแฟรนไชส์กี่เจ้าในกลุ่มธุรกิจที่สนใจ แล้วขอเอกสารและรายละเอียดต่างๆจากทุกเจ้า เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียต่างๆ การทำการตลาด การโฆษณา กิจกรรมส่งเสริมการขาย การขนส่งสินค้า การขำระเงิน หรือแม้แต่การบริการต่างๆ
3. ควรตรวจสอบเงื่อนไขในสัญญาอย่างละเอียด และกฎเกณฑ์ต่างๆให้ดี และควรจะได้รับการรับรองจาก สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์ไทย อย่างไรก็ตามควรจะตรวจสอบเรื่องต่างๆเหล่านี้ ได้แก่
– เรื่องระยะเวลาของข้อผูกมัด
– ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น
– เงินค่างวด/ค่าธรรมเนียมการจัดการ
– ต้นทุนการตกแต่งร้าน
– ข้อตกลง
– ทุนในการดำเนินงาน
– เงื่อนไขการจ่ายเงิน
– พื้นที่ประกอบการ
– และอื่นๆ (สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์ไทย)
4. ควรจะหา feedback ต่างๆจากผู้ที่เคยซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วเพื่อประกอบการตัดสินใจ เมื่อได้แฟรนไชส์ที่สนใจแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการทำสำรวจหรือพูดคุยกับแฟรนไชซี (franchisee) ที่ได้ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้ว หรือแม้แต่แฟรนไชซีที่ได้ยกเลิกสัญญาไปแล้ว หรือไม่ต่อสัญญา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแฟรนไชส์นี้น่าลงทุนหรือไม่ เพราะอะไร
ตัวอย่างคำถามที่ใช้ในการสอบถามผู้ที่เคยซื้อแฟรนไชส์ไปแล้ว
– การอบรมที่ผู้ขายแฟรนไชส์ (Franchisor) จัดให้เป็นอย่างไรบ้าง มีประโยชน์หรือไม่ สามารถนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจได้จริงหรือไม่
– ผู้ขายแฟรนไชส์ (Franchisor) ตอบสนองการความต้องการของคุณอย่างไรบ้าง
– วันธรรมดายอดขายหรือจำนวนลูกค้าเป็นอย่างไรบ้าง มากน้อยอย่างไร
– มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้างที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน
– จากประสบการณ์ใน การซื้อแฟรนไชส์ มาแล้ว เงินลงทุนและค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผลหรือไม่
– ธุรกิจนี้มีช่วง high season หรือ low season หรือไม่ ถ้ามีแล้วทำอย่างไรตอน low season
– ยอดขายและกำไรเป็นอย่างไรบ้าง ตรงกับที่คาดหวังไว้หรือไม่
– จะมีขยายเพิ่มสาขาหรือซื้อแฟรนไชส์เพิ่มเติมอีกหรือไม่
– คุณมีปัญหาหรือข้อขัดแย้งอะไรกับผู้ขายแฟรนไชส์บ้างหรือไม่
– ถ้าคุณรู้ข้อมูลแบบนี้ตั้งแต่แรก คุณเลือกลงทุนทำแฟรนไชส์นี้หรือไม่
5. ถ้าเป็นไปได้ ควรจะลองทำสัก 1 อาทิตย์ ทางที่ดีที่สุด คือการอยู่ศึกษาในพื้นที่ขายจริงๆ โดยปรึกษาผู้ขายแฟรนไชส์ว่าขอลองช่วยทำ 1 อาทิตย์ เพื่อมั่นใจว่าสามารถทำได้จริงๆ (ข้อนี้ต้องแล้วแต่ผู้ขายแฟรนไชส์ด้วย แต่ตามข้อแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ คือถ้าไม่ให้ ก็ไม่ควรจะลงทุน เพราะเราต้องเสียค่าแฟรนไชส์ล่วงหน้าในจำนวนที่มาก ถ้าเราไม่มั่นใจก็ไม่ควรจะลงทุน)
ผมว่าธุรกิจทุกอย่างมีความเสี่ยง ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลต่างๆให้ละเอียด อย่าลืมว่าการซื้อแฟรนไชส์แม้จะสะดวกในการเริ่มต้นธุรกิจ แต่ต้องดำเนินธุรกิจตามรูปแบบที่กำหนดไว้เท่านั้น การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดอาจจะไม่สามารถทำได้เต็มที่ และไม่มีหลักประกันว่าจะสำเร็จ ดังนั้นการวิจัย การวิเคราะห์ และการศึกษาข้อมูลต่างๆให้มากที่สุด จะช่วยให้เราสามารถเลือกแฟรนไชส์ที่ดีที่สุดได้
#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด
Source: Entrepreneur และ SME Research by MRSG Co.,Ltd.
Image Credit: Francois W. Nel