JavaScript must be enabled in order for you to see "WP Copy Data Protect" effect. However, it seems JavaScript is either disabled or not supported by your browser. To see full result of "WP Copy Data Protector", enable JavaScript by changing your browser options, then try again.

Thai SME Research

เปิดโลกธุรกิจ SMEs

7 สิ่งที่จะทำลาย แรงจูงใจในการทำงาน 7 สิ่งที่จะทำลาย แรงจูงใจในการทำงาน
ในการทำงานนั้น การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานที่ช่วยให้ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัทเดินไปสู่เป้าหมายได้ดีขึ้น แต่นอกเหนือจากการพัฒนาตนเองของพนักงานแล้ว สภาพแวดล้อม ผู้คนรอบข้าง ผู้นำ และนโยบายของบริษัท ล้วนมีผลต่อการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ถ้าบริหารไม่ดีแล้ว จะทำให้ แรงจูงใจในการทำงาน ลดลง จากคนที่มีประสิทธิภาพอาจจะกลายเป็นคนทำงานไปวันๆ สุดท้ายก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานในที่สุด ดังนั้นบทความนี้จะกล่าวถึง 7 สิ่งที่จะทำลาย แรงจูงใจในการทำงาน และทางแก้ปัญหาครับ 1. มีคนรอบข้างแย่ๆ ผมว่าใครๆก็ต้องเคยเจอปัญหานี้ แต่ก่อนที่จะหงุดหงิดและเซ็งไปก่อน... 7 สิ่งที่จะทำลาย แรงจูงใจในการทำงาน

ในการทำงานนั้น การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานที่ช่วยให้ก้าวหน้าในอาชีพการงาน ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ช่วยให้บริษัทเดินไปสู่เป้าหมายได้ดีขึ้น แต่นอกเหนือจากการพัฒนาตนเองของพนักงานแล้ว สภาพแวดล้อม ผู้คนรอบข้าง ผู้นำ และนโยบายของบริษัท ล้วนมีผลต่อการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ถ้าบริหารไม่ดีแล้ว จะทำให้ แรงจูงใจในการทำงาน ลดลง จากคนที่มีประสิทธิภาพอาจจะกลายเป็นคนทำงานไปวันๆ สุดท้ายก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานในที่สุด ดังนั้นบทความนี้จะกล่าวถึง 7 สิ่งที่จะทำลาย แรงจูงใจในการทำงาน และทางแก้ปัญหาครับ

1. มีคนรอบข้างแย่ๆ

ผมว่าใครๆก็ต้องเคยเจอปัญหานี้ แต่ก่อนที่จะหงุดหงิดและเซ็งไปก่อน ลองพิจารณาดีดีว่าเค้าแย่จริงๆหรือไม่ หรือแค่ไม่ถูกใจเรา เราแสดงออกกับเค้าอย่างไรบ้าง แต่ถ้าเรามั่นใจแล้วว่าเราทำดีแล้ว ต้องมาแก้ปัญหากันต่อไป เช่น ถ้าเค้าเป็นคนขี้วีน พูดจาไม่ดี เราลองพิจารณาว่าเค้าทำไปเพราะอยากให้งานออกมาดีหรือไม่ เค้าทุ่มเทกับงานหรือไม่ ถ้าใช่เราอาจจะต้องพูดคุยกันตรงๆว่าให้พูดดีดีหน่อย ลองสนิทสนมกับเค้าสักหน่อย อาจจะดีขึ้น แต่ถ้าเจอคนขี้เม้าว์ ใส่ไฟ พูดแต่เรื่องแย่ๆของบุคคลอื่น ควรจะต้องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา และผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชาควรจะต้องแก้ปัญหานี้โดยด่วน เพราะสิ่งนี้จะทำลายบรรยากาศในการทำงานอย่างยิ่ง ในต่างประเทศ ถึงขนาดแนะนำให้ไล่ออกด้วยซ้ำ (แต่ผมว่าอาจจะแรงไป)

2. ขาดการส่งเสริมการพัฒนา

ใครๆก็อยากพัฒนากันทั้งนั้น บริษัทที่ดีจะมีการส่งเสริมการพัฒนาต่างๆ ทั้งคอร์สเรียนต่างๆ เทรนนิ่งต่างๆ รวมถึงการพัฒนาในการทำงาน เพื่อที่จะสามารถเติบโตในสายงานสายอาชีพที่ชัดเจน หลายๆที่มีการวางแผนไว้เลยว่าเราต้องพัฒนาด้านต่างๆให้มีประสิทธิภาพทำให้สามารถก้าวหน้าหรือเลื่อนตำแหน่งในอนาคตได้ ถ้าบริษัทมีนโยบายและการบริหารที่ดี มี Career path ที่ชัดเจน ทำให้พนักงานอยากที่จะพัฒนาเพื่อที่จะประสบความสำเร็จได้ เรียกได้ว่า “คุ้มกับการเปลี่ยนแปลงและทุ่มเท” นั่นเอง

3. ขาดวิสัยทัศน์

เมื่อใดที่ผู้บริหารไม่มีวิสัยทัศน์ การทำงานจะไร้ทิศทางแน่นอน เพราะวิสัยทัศน์ช่วยให้สามารถวางกรอบการทำงานที่ชัดเจนได้ มีเป้าหมายของการทำงานที่ชัดเจน ลองคิดดูว่าถ้าเราเจอผู้บริหารเดินมาบอกว่า “ลองคิดสิว่าทำอย่างไรให้ยอดขายเพิ่มขึ้น” แล้วเดินจากไป การทำงานจะเป็นอย่างไร เราก็คิดไปตามประสบการณ์ของเรา พอไปเสนอก็บอกว่าไม่ใช่ ให้ไปทำมาใหม่ เป็นแบบนี้ซ้ำๆไป ทางแก้ปัญหาคือ ผู้บริหารควรจะพูดคุยเพื่อหาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อยอดขาย แล้วจึงวางกรอบของการแก้ไขหรือพัฒนาปัจจัยเหล่านั้นเพื่อให้ยอดขายเพิ่มขึ้นในที่สุด

4. ประชุมมากมาย

การประชุมเป็นสิ่งที่ดีช่วยให้มีการร่วมกันออกไอเดีย แก้ไขปัญหา หรือวางแผนต่างๆร่วมกัน แต่ถ้ามากเกินไป ก็แทบไม่ได้ทำงานกันเลย บางบริษัทมีอะไรก็เรียกประชุมโดยไม่คำนึงว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นจริงๆหรือไม่อย่างไร ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา การเรียกประชุมควรจะมีเหตุผลของการเรียกประชุมของคนๆนั้นชัดเจน และบริหารการประชุมให้กระชับ เน้นแชร์ไอเดีย ร่วมมือกันวางแผน (ไม่ใช่นัดประชุมเพื่อโยนงานกัน)

5. การบริหารงานแนวดิ่ง

การบริหารงานแบบนี้เรียกว่า Vertical management มีลำดับขั้นของการบังคับบัญชาชัดเจน ผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารเป็นใหญ่ ลูกน้องต้องฟังและทำตาม จะเกิดผลดีได้ต่อเมื่อผู้บังคับบัญชาเก่งจริงๆเท่านั้น แต่พนักงานจะขาดแรงจูงใจในการทำงานไป เพราะคิดไป เสนอไป ก็เท่านั้นเพราะจะถูกปฏิเสธและต้องทำตามที่ผู้บังคับบัญชาบอกเท่านั้น ท้ายที่สุดพนักงานก็จะไม่คิด ไม่เสนอ ทำงานตามคำสั่งไป กลายเป็นทำงาน Routine ไป ดังนั้นควรจะมีการปรับใช้ การบริหารงานแนวราบ (Horizontal management) บ้างเพื่อให้พนักงานได้คิดและเสนอ ร่วมมือกันวางแผนและทำงาน ไปสู่เป้าหมายของบริษัทด้วยกัน จะทำให้เกิด แรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกมีความสำคัญ และได้แสดงออกถึงความรู้ความสามารถที่มีอย่างเต็มที่

6. ขาดการให้ความสำคัญ

ผมว่าการทำงาน ถ้าตัดเรื่องเงินเดือนและผลตอบแทนไป สิ่งที่พนักงานต้องการคือการให้ความสำคัญ ความภูมิใจในการทำงาน ความรู้ และความสามารถ เมื่อพนักงานทำงานอย่างทุ่มเทอย่างเต็มที่ เมื่อผลงานออกมาดี ควรได้รับการชมเชย แสดงการขอบคุณ หรือตอบแทนรางวัลต่างๆ บางครั้งเพียงแค่คำว่า “ขอบคุณ” อาจจะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เพราะการได้รับการชมเชยแสดงถึงการเห็นถึงความสำคัญและการทำงานที่ทุ่มเทมา ดังนั้นผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้บริหาร เคยกล่าวขอบคุณพนักงานบ้างหรือยัง ควรหมั่นชมเชย และให้ความสำคัญกับพนักงานมากขึ้น  เพื่อสร้าง แรงจูงใจในการทำงาน นั่นเอง

7. ขาดความเป็นผู้นำ

ผู้นำแตกต่างจากเจ้านายอย่างสิ้นเชิง (Leader ≠ Boss) หากขาดความเป็นผู้นำแล้ว การทำงานจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และสอดคล้องกับการขาดวิสัยทัศน์ เพราะจะไม่สามารถวางกรอบการทำงานที่ชัดเจนได้ ไม่มีเป้าหมายของการทำงานที่ชัดเจน เมื่อเจอปัญหา พนักงานต้องเผชิญและรับมืออยู่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าผู้บริหารมีความเป็นผู้นำ จะสามารถวางกรอบของการทำงานได้ และช่วยแก้ปัญหากับพนักงานได้เป็นอย่างดี และความเป็นผู้นำ จะช่วยให้สร้าง แรงจูงใจในการทำงาน มากขึ้น เพราะมีคนนำทัพ สามารถปรึกษาและช่วยเหลือเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี ทำให้พนักงานมีใจที่จะทำงานอย่างเต็มที่

#smeresearch #sme #business #AEC #วิจัย #วิจัยตลาด

Source: Inc และ SME Research by MRSG Co.,Ltd

Credit image: Klaus M

Comments

comments